สมัครครู

สำหรับผู้เคยทำงานเคยไปสัมภาษณ์งานหลายที่มาแล้ว เรื่องการไปสัมภาษณ์นั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ แต่บัณฑิตใหม่หลายคน เมื่อตกลงว่าจะไปสัมภาษณ์งาน จะอดวิตกกังวลไม่ได้ อดคิดโน่นนี่ไม่ได้ …โรงเรียนเป็นอย่างไรนะ น่าทำงานไหม เขาจะรับเราเข้าทำงานหรือเปล่าน้า เพื่อนเราหลายคนก็ได้งานทำไปแล้ว แต่เรายังไม่มีงานทำเลย รู้สึกกดดันตนเอง เอ…โรงเรียนเขาจะสัมภาษณ์อะไรบ้าง เฮ้อ… คืนก่อนไปสัมภาษณ์ บางคนนอนไม่หลับเอาเลยก็มี คิดโน่นคิดนี่สารพัด…

เรามีคำแนะนำง่าย ๆ ว่า การสัมภาษณ์ก็คือการทำความรู้จักกันเบื้องต้นระหว่างคุณกับโรงเรียน โรงเรียนเขาอยากรู้ว่าคุณเป็นใคร เรียนจบอะไรมา ความคิดความอ่านเป็นอย่างไร มีบุคลิกลักษณะอย่างไร เหมาะสมกับโรงเรียนเขาไหมแค่นั้น ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัว ดังนั้นอย่าวิตกกังวล

ก่อนวันสัมภาษณ์ ให้นอนพักผ่อนให้เต็มอิ่มเพียงพอสัก 8-9 ชั่วโมง ตื่นมาตอนเช้าจะได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า และในวันไปสัมภาษณ์ ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุด เนี๊ยบที่สุด ทำอย่างไรก็ได้ให้ไปถึงโรงเรียนก่อนเวลานัดสัมภาษณ์อย่างน้อย 30 นาที โอกาสจะได้งานทำไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่าไปสายเป็นอันขาด โถ…ขนาดวันนัดสัมภาษณ์ คุณยังมาสาย ถ้าโรงเรียนรับคุณเข้าทำงานแล้ว คุณคงจะมาทำงานสายแน่ ๆ โรงเรียนเขาจะคิดแบบนี้ คะแนนคุณจะตกฮวบทันที อย่าไปสาย ต้องไปให้ถึงก่อนเวลาสัมภาษณ์เสมอ ไม่ว่าจะไปสัมภาษณ์ใกล้หรือไกลก็ตาม

การเป็นคนมืออ่อนไว้ก่อน คุณจะได้รับคะแนนดี ๆ เสมอ ไหว้ไปเถอะตั้งแต่ รปภ.หน้าประตูจนถึงเจ้าหน้าที่โรงเรียน ครู หรือผู้ปกครอง “ผู้ไหว้ ย่อมได้รับการไหว้ตอบ” จำไว้ “เมื่อเรายิ้ม ก็จะมีคนยิ้มให้เรา” ลองยิ้มออกมาจากหัวใจคุณดูสิ คุณจะดูน่ารักมากที่สุดเลย เห็นไหมบอกแล้ว นั่นไง ธรรมชาติจริง ๆ ของคุณเป็นคนน่ารักมาก ๆ เลย

ขณะเดินเข้าโรงเรียนให้สังเกตดูสภาพแวดล้อมโรงเรียนว่าเป็นอย่างไร คุณรู้สึกอย่างไรก็อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ในขณะนั้น ให้มองผ่าน ๆ ไปก่อนไม่ว่าดีหรือไม่ดีก็ตาม ประเดี๋ยวจิตใจจะห่อเหี่ยวก่อนเข้าไปสัมภาษณ์ และขณะนั่งรอสัมภาษณ์ให้ทำใจให้สบาย ๆ อย่าไปคิดว่า นี่คือการชี้เป็นชี้ตายชีวิตคุณ ให้คิดว่า เรามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เรามีดีพอกับตำแหน่งงานที่เราสมัครไว้

ผู้ที่มาสัมภาษณ์คุณนั้น อาจเป็นเพียงเจ้าหน้าที่โรงเรียนหรือผู้บริหารโรงเรียนก็ได้ ไม่ว่าผู้สัมภาษณ์จะเป็นใคร ไม่ต้องไปหวั่นเกรง หากรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ตื่นเต้น งุ่นง่านเก้งก้าง ทำอะไรไม่ถูก ช้า ๆ ก่อน ให้ขอเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจส่วนตัวก่อน สงบนิ่งสูดลมหายใจยาว ๆ สัก 3-4 ครั้งแล้วผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ เอาความรู้สึกมาจดจ่อที่ลมหายใจ ให้รู้เพียงว่าลมหายใจ ลมหายใจออก แ่ค่นั้นสัก 3-4 นาที จะทำให้เราคลายความตื่นเต้นลง จะนิ่งและเป็นปกติ นั่นแหละเป็นธรรมชาติแบบที่คุณเป็น

การไหว้ที่นอบน้อมและงดงามของคุณจะทำให้คะแนนในตัวคุณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงเรียนแนวไทย ๆ ผู้บริหารโรงเรียนมีอายุสักหน่อย จะประทับใจคุณแน่นอน

ส่วนมาก ผู้สัมภาษณ์จะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิชาการ หรือผู้จัดการ บางที่ผู้สัมภาษณ์จะมาสัมภาษณ์คุณ  2-3 คนพร้อมกันเลย ช่วยกันซัก ช่วยกันถามคุณ ขอให้คุณคิดว่าท่านเหล่านี้คือญาติผู้ใหญ่ใจดีของเรา ไม่ต้องไปเกร็งอะไร ไม่ว่าจะถามอะไร ให้ตอบตามความเป็นจริงและเป็นธรรมชาติ พูดให้เสียงดังพอควร อย่าพูดเสียงเบาหรือตะเบ็งเสียงดัง ฟังชัด อย่าพูดทวนซ้ำคำถามของผู้สัมภาษณ์ ไม่พูดว่า …อะไรนะ..(คะ/ครับ) เพราะเหมือนคุณไม่ตั้งใจฟัง  ถ้าไม่เข้าใจคำถาม ก็รีบถามกลับไปว่า หมายถึงอย่างนี้ ๆ ใช่ไหม แล้วจึงตอบ อย่า Acting อย่าโม้ อย่าไปสร้างแรงกดดันให้ตนเองว่า เก่งอย่างโน้นอย่างนี้  พูดให้พอเหมาะพอควร คุณถนัดวิชาอะไร มีความสามารถอย่างไร ก็ให้ยืนยันตามนั้น เช่น…ถ้าเขาจะให้ไปสอนวิชาอื่นที่คุณไม่ถนัดนัก พอจะสอนได้ไหม ก็ควรบอกว่า อาจไม่ถนัดนัก แต่ถ้าโรงเรียนให้โอกาส ก็จะลองดู….เป็นต้น

เรื่องที่สัมภาษณ์กันนั้น โดยปกติจะเป็น 3 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้


1. เรื่องเกี่ยวกับตัวคุณ (ชื่อ ถิ่นกำเนิด ครอบครัว การศึกษาเล่าเรียน กิจกรรมระหว่างเรียน ความถนัดหรือความสามารถพิเศษต่าง ๆ ความคิดความฝัน ความประทับใจของคุณต่อ…อาจขอฟังมุมมองของคุณต่อสังคมหรือระบบการศึกษาไทย ฯลฯ)

2. เรื่องงานหรือตำแหน่งงานที่คุณสมัคร (โรงเรียนจะเน้นเรื่องนี้มากที่สุด เพราะต้องหาคนที่เหมาะกับงานมากที่สุด) ผู้สัมภาษณ์อาจถามง่าย ๆ เช่น รู้จักโรงเรียนเรามาก่อนไหม ทราบแนวการเรียนการสอนของโรงเรียนบ้างไหม ..อย่างไร…ทำไมจึงอยากมาสมัครทำงานที่นี่…และอาจให้คุณทดสอบการสอนให้ดู หรือถามแบบสมมุติเหตุการณ์ว่า มีเรื่องแบบนี้ ๆ…ในห้องเรียน คุณจะแก้ปัญหาอย่างไร..เด็กตีกันในห้อง คุณมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร…เด็กคุยกันระหว่างสอน คุณจะทำอย่างไร…ผู้ปกครองต่อว่าครูคุณจะทำอย่างไร…โทรศัพท์มือถือของนักเรียนหาย … เด็กเกิดอุบัติเหตุในห้องเรียน ฯลฯ

ท้าย ๆ การสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์มักถามคือ คุณพร้อมจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ …ซึ่งคุณต้องเตรียมคำตอบก่อนไปสัมภาษณ์ให้เรียบร้อย อย่าเสียเวลาคิดคำตอบที่ห้องนั้น ถามมาก็ตอบได้ทันทีเลย เช่น พร้อมเริ่มงานทันทีที่โรงเรียนเรียกตัวทำงาน ทำแบบนี้ โรงเรียนจะประทับใจคุณมากเลย

3. เรื่องเงินเดือนค่าจ้างค่าตอบแทน (โรงเรียนอาจถามคุณว่า ทำไมจึงขอเงินเดือนที่……บาท คุณคงต้องให้เหตุผลที่ฟังดูดีหน่อย ให้เขาฟังแล้วรู้สึกว่า คุณไม่งกจนเกินไปหรือคุณขอน้อยเกินไปจนน่าสงสัย) เรื่องเงินตอบแทนนั้น คุณต้องคุยให้ชัดเจน ถ้าโรงเรียนต่อรอง (หากคุณเรียกเงินเดือนสูงเกินไป) ก็ควรรู้จักแบ่งรับแบ่งสู้ ว่าคุณรับได้เท่าไหร่ อย่าบอกว่า ….แล้วแต่โรงเรียน ซึ่งอย่างน้อยคุณต้องสามารถกำหนดได้เหมือนกันว่า ต้องการเท่าไหร่ การไม่คุยเรื่องเงินตอบแทนให้ชัดเจน จะมีปัญหาในเวลาทำงานระหว่างคุณกับโรงเรียนได้ บางที่อาจมีเงินพิเศษ เงินค่าสอนพิเศษ หรือมีการหักเงินเดือนบางส่วนเพื่อค้ำประกันบางอย่าง ซึ่งคุณต้องคุยให้เข้าใจและให้ชัดเจนที่สุด

หากมีข้อสงสัยหรืออยากถามอะไรเกี่ยวกับโรงเรียน เมื่อผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสให้ถามได้ ก็ควรถามทันที อย่าเก็บความสงสัยไว้แล้วมาคิดเดาคำตอบเองในภายหลัง

เมื่อผู้สัมภาษณ์บอกคุณว่า ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้ แสดงว่าการสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ให้คุณพูดขอบคุณผู้สัมภาษณ์ ขอบคุณที่ให้โอกาส…มาสัมภาษณ์ในวันนี้ ไหว้ลาทุกคน และเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ทันที

โดยปกติส่วนมากโรงเรียนจะไม่บอกทันทีว่า โรงเรียนยินดีรับคุณเข้าทำงาน โรงเรียนจะโทรแจ้งคุณทีหลัง เพื่อให้คุณได้ลุ้นได้ตื่นเต้นบ้าง ปกติภายใน 3 วัน โรงเรียนจะโทรบอกเอง และหากเลย 3 วันไปแล้ว โรงเรียนยังไม่โทรบอก คุณควรโทรกลับมาถามที่โรงเรียนว่า โรงเรียนพิจารณารับคุณเข้าทำงานไหม เพราะบางโรงเรียนเมื่อสัมภาษณ์เสร็จ อาจรอส่งข้อมูลของคุณไปให้คณะกรรมการบริหารโรงเรียนพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่งก่อนก็มี ดังนั้น อย่าเพิ่งรู้สึกหมดหวัง

ฝากใบประวัติส่วนตัวไว้ที่สคูลจ๊อบ คุณได้งานทำแน่นอน
https://schooljob.in.th