สมัครครู

หนึ่งในเรื่องที่โรงเรียนประสบบ่อยในระยะหลังคือ ครู หรือคนทำงานในโรงเรียน แสดงปาฏิหาริย์ได้ คือหายตัวไปแบบไร้ร่อยรอย ไม่บอก ไม่กล่าว ไม่ลาและไม่สามารถติดต่อได้ในทุกช่องทาง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

นี่คือสิ่งที่ผู้บริหารโรงเรียนรู้สึกไม่สบายใจและมองว่า ครูหรือคนทำงานคนนั้น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ เพราะก่อนจะเข้าทำงานกับโรงเรียน ๆ จะสัมภาษณ์อย่างดี และมอบโอกาสดี ๆ ให้แล้ว แต่คนหางานคนนั้น ไปทำงานที่โรงเรียนไม่กี่วัน แล้วก็หายไปเลย บางคนทำงานไม่ถึง 7 วัน หายไป ที่น่าประหลาดใจคือ ไม่บอกกล่าวใคร ไม่ทำเรื่องลาออก โทรไปก็ไม่รับสาย เมล์ไป ไลน์ไป ติดต่อไม่ได้เลย น่าประหลาดนัก ผู้บริหารโรงเรียนบางท่านมองกลับที่สถาบันที่คนหางานคนนั้นจบออกมา และรู้สึกไม่ทับใจเลยกับเรื่องทำนองนี้

จริง ๆ แล้ว การไปทำงานในสถานที่ใหม่ ๆ ที่ตนเองไม่คุ้ยเคยนั้น แรก ๆ ก็จะมีปัญหาบ้าง เพราะเรายังไม่ชินกับสถานที่ การเดินทางที่อาจจะยังไม่ราบรื่น การที่ยังไม่คุ้นเคยกับคนอื่นในโรงเรียน รวมถึงเรื่องกฎระเบียบกติกาและธรรมเนียบปฏิบัติของโรงเรียน เราก็ยังไม่ได้เข้าใจโดยตลอด แน่นอน มันจะต้องมีเรื่องมากมายให้เรารู้สึกสะดุดบ้าง ติดขัดบ้าง เรื่องแบบนี้ คนหางานควรให้เวลาตัวเอง ปรับตัวสักระยะ หมั่นทักทายกับผู้คน เรียนรู้การทำงาน เปิดใจกว้าง ๆ และพร้อมรับฟังเสียงวิจารณ์ติชมหรือแม้กระทั่งคำด่าคำนินทาจากบุคคลต่าง ๆ

คนหางานต้องคิดเสมอว่า โรงเรียนให้โอกาสเราแล้ว เราควรพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นแบบสุดฝีมือ ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อย ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เราเจ๋งจริง ไม่ใช่มาเล่น ๆ และต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า เราจะทำงาน ณ โรงเรียนแห่งนั้น ๆ อย่างน้อย 1 ปีการศึกษา จะไม่มาทำเล่น ๆ แค่วันสองวัน หรือเดือนสองเดือนแล้วออกไป เสียชื่อเสียงเปล่า ๆ

เมื่อเราทำงานจนใกล้ปิดเทอมที่ 2 แล้ว หากเราจะไม่ต้องการทำงานต่อที่โรงเรียนแล้ว เราควรแจ้งโรงเรียนโดยทำหนังสือลาออกเป็นทางการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน (ย้ำว่า 3 เดือน) เพื่อให้โรงเรียนได้ตรียมหาคนมาทำงานแทนเราได้ทัน และเราจะต้องสรุปงาน มอบงาน ส่งต่อข้อมูลเด็ก และข้อมูลงานที่ยังค้างอยู่ให้คนใหม่ได้อย่างเต็มที่ การออกจากงานที่โรงเรียนกลางเทอม หรือยังไม่จบปีการศึกษานั้น โรงเรียนจะทำงานยากมาก เพราะไหนจะต้องหาคนใหม่มาทำต่อ เรื่องการประเมินเด็กที่จะไม่ต่อเนื่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย

อย่าลืมว่า โลกนี้แคบ บางทีเราออกจากโรงเรียนแห่งนั้นไปแล้ว ไปอยู่ที่ใหม่ ก็จะอาจจะได้เจอกับคนที่มาจากโรงเรียนแห่งนั้น (ที่เราเคยออกจากงานแบบไม่บอกลา) หรือญาติเรา เพื่อนเรา อาจจะมาสมัครทำงานโรงเรียนนี้ในวันข้างหน้า หรือลูกของเราเองนี่แหละอาจจะมาเรียนที่นี่ในอนาคต หรือเราอาจจะได้พบเจอกับผู้บริหารโรงเรียนที่ไหนสักแห่งในแวดวงครู การศึกษา วงสัมมนา หรือแม้กระทั่งในตลาดร้านค้า ถ้าเราออกจากงานปกติ แม้เราจะไม่ได้ทำงานกับเขาแล้ว เราก็ยังสามารถพบปะพูดคุยสวัสดีทักทาย เป็นกัลยาณมิตรกันได้เสมอ

สิ่งสำคัญที่สุด คือเรื่องราวต่าง ๆ ที่มันบันทึกไว้ในจิตของเรา เราคงทราบดีว่า ทุกเรื่องที่เราคิด ทุกคำที่เราพูดออกมา และทุกการะทำของเรา จิตของเรามันได้บันทึกไว้ตลอดเวลาทั้งด้านดีหรือไม่ดี มันบันทึกไว้ทั้งหมด บางครั้งเราอาจคิดว่า เราลืมไปแล้ว แต่จริง ๆ จิตเรามันฝังเรื่องราวพวกนั้นไว้อยู่ไม่ได้หายไปไหน วันดีคืนดีวันข้างหน้าเมื่อมีเรื่องมากระตุ้น มันก็จะผุดขึ้นมาในจิตของเรา

เราสะสมเรื่องดี ๆ ภาพดี ๆ การกระทำดี ๆ พฤติกรรมดีๆ ของเราไว้ น่าจะดีกว่า จะได้ไม่รู้สึกแย่ ๆ ในอนาคตว่า เราคือคนหนีงาน ขาดงาน ออกจากงานแบบไม่เป็นมืออาชีพ ไม่บอกลาโรงเรียน ไม่คิดถึงหัวอกเด็ก ไม่คิดถึงผู้บริหารโรงเรียนที่ให้โอกาสเรา มิหนำซ้ำ เราก็พลอยทำให้ชื่อเสียงสถาบันที่เราจบมาติดภาพลบไปด้วย วันข้างหน้าพอมีน้อง ๆ จบออกมา มาสมัครงานที่โรงเรียน ๆ ก็จะติดภาพของเราว่า เคยมีรุ่นพี่ของน้องมาสมัครทำงานที่นี่ ทำไม่กี่วันก็หายไป ไม่บอกลาโรงเรียน แทนที่จะทำให้น้อง ๆ มีโอกาสได้งานทำง่าย ๆ เราก็ไปสร้างภาพที่ไม่ดีของสถาบันไว้อีก

บัณฑิตทุกคน ถือว่า เป็นผู้รู้ และรับผิดชอบ มีความเป็นมืออาชีพ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรือสอนกัน
สคูลจ๊อบ ขอชื่นชมคนหางานทุกคนที่มีความรับผิดชอบและทำทุกอย่างแบบมืออาชีพ
www.schooljob.in.th